แอปเปิ้ลแดงแบบผลสดหรือแบบน้ำผลไม้ให้คุณประโยชน์มากกว่ากัน

ประโยชน์ของผลไม้แอปเปิ้ล

เรามาเริ่มกันที่คุณประโยชน์ของผลไม้แอปเปิ้ลกันก่อน โดยผลไม้แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่ให้สารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต เป็นหลัก และอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ สารอาหารที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6 ไบโอติน กรดโฟลิก กรดแพนโทเธอนิค เกลือแร่ คลอไรด์ เหล็ก ทองแดง แมกกานีส แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม ซิลิคอน และยังมีกรดอินทรีย์ 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน สารอาหารเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน โดยเฉพาะวิตามินซี และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในผลไม้แอปเปิ้ล

คุณประโยชน์ของแอปเปิ้ลแดงแบบผลสด

ในแอปเปิ้ลสีแดงนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซีสูง ซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยปกป้องผิวพรรณ ชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ช่วยสร้างคอลลาเจนในชั้นใต้ผิวหนัง ลดอัตราการเกิดมะเร็ง ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยให้การทำงานของสมองและความจำดีขึ้น โดยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินดังกล่าว ส่วนใหญ่จะพบที่บริเวณเปลือกและเนื้อของแอปเปิ้ลสีแดง ทำให้การทานแอปเปิ้ลแดงแบบผลสดให้คุณประโยชน์มากมายแก่ร่างกาย

คุณประโยชน์ของน้ำผลไม้แอปเปิ้ลแดง

อย่างที่ทราบกันว่าคุณประโยชน์ของแอปเปิ้ลแดงนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ที่บริเวณเปลืองภายนอกและเส้นใยในเนื้อของแอปเปิ้ล ดังนั้นหากรับประทานน้ำผลไม้แอปเปิ้ลแบบที่ไม่แยกกากหรือเปลือกก็จะได้รับคุณประโยชน์เทียบเท่าการรับประทานแบบผลสดเลยก็ว่าได้ แต่การรับประทานน้ำผลไม้แอปเปิ้ลก็มีข้อควรระวังอยู่เช่นเดียวกัน

ข้อควรระวังในการรับประทานน้ำผลไม้แอปเปิ้ล

1. น้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว

การดื่มน้ำผลไม้แอปเปิ้ล 1 ถ้วย หรือประมาณ 240 มิลลิลิตร จะให้พลังงาน 114 แคลอรี่ ในขณะที่การทานผลแอปเปิ้ลสดขนาดกลางให้พลังงานเพียง 95 แคลอรี่เท่านั้น และการบริโภคน้ำผลไม้สามารถทำได้รวดเร็วกว่าการบริโภคแบบเป็นผลสด จะส่งผลให้ ร่างกายเราได้รับปริมาณแคลอรี่จำนวนมากในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นอกจากนี้น้ำผลไม้ยังไม่ช่วยให้อยู่ท้อง และอาจทำเพลิดเพลินกับการรับประทาน และรับเอาแคลอรี่ส่วนเกินไปโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

2. ปริมาณวิตามินและแร่ธาตุ

น้ำผลไม้แอปเปิ้ลตามท้องตลาดส่วนใหญ่จะมีการเติมวิตามินซีและแร่ธาตุอย่างอื่นเพิ่มลงไปในน้ำผลไม้ เพื่อให้ RDI ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ หากไม่ได้เติมวิตามินและแร่ธาตุเพิ่มเราจะได้รับเพียง 2 เปอร์เซ็นต์เพียงเท่านั้น แต่หากกินผักผลไม้หลากหลายชนิดก็จะได้รับวิตามินเพิ่มเติมครบได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นก่อนการเลือกบริโภคน้ำผลไม้แอปเปิ้ลควรสังเกตข้อมูลรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้วย

3. ปริมาณน้ำตาลและกากใย

การเลือกทานน้ำผลไม้แอปเปิ้ลแบบ 100% นั้นย่อมดีกว่าเครื่องดื่มที่ผสมน้ำแอปเปิ้ล น้ำตาล และน้ำ เพราะน้ำผลไม้ 1 ถ้วย หรือประมาณ 240 มิลลิลิตร ไม่ว่าจะใสหรือขุ่นจะให้เส้นใยเพียง 0.5 กรัมเท่านั้น แต่หากคุณดื่มน้ำผลไม้แอปเปิ้ลแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ จะช่วยลดผลกระทบต่อน้ำตาลในเลือดได้

4. ส่งเสริมให้ฟันผุ

แบคทีเรียในช่องปากชอบน้ำตาลในน้ำผลไม้และจะผลิตกรดที่กัดกร่อนสารเคลือบฟันอันนำไปสู่การเกิดฟันผุได้ จากการศึกษาทดลองที่ประเมินผลทางทันตกรรมกับน้ำผลไม้จำนวน 12 ชนิด พบว่าน้ำผลไม้แอปเปิ้ลให้ผลการกัดกร่อนฟันมากที่สุด หากคุณดื่มน้ำแอปเปิ้ลจากแก้ว ฟันจะสัมผัสกับน้ำตาลอย่างเต็มที่ อาจทำให้เกิดฟันผุได้ เพราะฉะนั้นการใช้หลอดเป็นตัวช่วย อาจลดความเสี่ยงได้ แต่ทางที่ดีหลังดื่มน้ำผลไม้หรือของหวานควรแปรงฟันเพื่อหลีกเลี่ยงฟันผุจะดีที่สุด

5. อาจพบสารปนเปื้อน

ปัจจุบันมีการตื่นตัวในการทานผักผลไม้แบบอินทรีย์กันมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงสารปนเปื้อนจากยากำจัดศัตรูพืช โดยกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาได้ทดสอบตัวอย่างน้ำผลไม้ พบว่าในน้ำผลไม้แอปเปิ้ลจำนวนครึ่งหนึ่ง ตรวจพบยาฆ่าแมลงอย่างน้อยหนึ่งชนิด แม้ว่าสารปนเปื้อนเหล่านี้จะมีปริมาณต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ก็ตาม แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการได้รับสารกำจัดศัตรูพืชในเด็กอยู่ดี ดังนั้น หากต้องการดื่มน้ำผลไม้แอปเปิ้ลควรเลือกแบบอินทรีย์ดีที่สุด นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในระยะยาวได้อีกด้วย

ไม่เพียงแค่น้ำผลไม้แอปเปิ้ลเพียงเท่านั้นที่ต้องมีการเลือกบริโภคอย่างดี แต่หากต้องการบริโภคผลไม้แอปเปิ้ลไม้ว่าจะเป็น แอปเปิ้ลแดง แอปเปิ้ลเขียว หรือแอปเปิ้ลสายพันธุ์ต่างๆ ทั้งแบบผลสดหรือแบบน้ำผลไม้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ก็ควรจะเลือกแอปเปิ้ลที่มีความสด สะอาด มีคุณภาพ ปลอดภัย เพื่อคุณประโยชน์ที่ดีแก่ร่างกายของตัวคุณเอง